Monday 31 October 2016

ต้องอดทนมากๆ เพราะใช้ทั้งแรง กำลัง ตากแดดตากลม และก็ต้องทำงานตลอด เป็นฝ่ายที่มาก่อน กลับที่หลังตลอด เพราะต้อง เซทฉาก พร็อพ ให้พร้อมก่อนถ่าย ระหว่างถ่ายก็จะต้อง คอย รอคำสั่งว่าจะเปลี่ยนอะไรตรงไหนไหมพอถ่ายเสร็จ ก็ต้องเคลียร์เซ็ต เก็บของกลับเข้าโกดัง

#บทความจากรุ่นนี้สู่รุ่นต่อไป

ชื่อ-นามสกุล : กชกร ทองมา (JR.POP) มหาวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

นักศึกษาฝึกงาน ปีการศึกษา 2558

ตำแหน่ง : Casting และ Art ฝึกงานตั้งแต่ 05 มกราคม 2559 – 29 เมษายน 2559

เป็นโอกาสที่ดี ที่Sky Exits รับเข้ามาฝึกงาน การได้เข้ามาฝึกงานที่นี่ตอนแรกก็กังวลมาก เพราะว่าเราก้าวเข้ามาสู่การทำงานจริงๆ เลยกังวลและก็กลัวว่าจะทำออกมาไม่ได้ดี กลัวทำพลาด กังวลทุกๆอย่างแรกๆเข้ามาเงียบมาก ทุกคนดูเงียบหรือบางคนอาจจะดูไม่แยแสเราสักนิดเลย แต่ก็สังเกตมาตลอด เห็นบางมุมใจดีของบางคนที่หลุดมาบ้าง แต่ก็พยายามใจดีสู้เสือ ยิ้มรับทุกเรื่องทุกคำพูดที่บางทีก็ทิ่มแทงใจเรา จนได้เห็นความเป็นมิตรของ พี่ๆ ในที่ทำงาน แรกๆก็คงไม่มีใครวางตัวถูกหรอก

เราแค่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจคนอื่นสักพัก แล้วจะเห็นสิ่งดีๆเอง เข้ามาฝึกงานในฝ่ายCasting ซึ่งเป็นฝ่ายที่ได้พบเจอผู้คนเยอะ เราจะได้รู้จักตั้งแต่ ช่างแต่งหน้า ทำผม โมเดลลิ่งต่างๆ นักแสดง และ Casting Directorคนอื่นๆด้วยความที่เราเจอคนเยอะๆ ปัญหาที่พบก็คือ การสื่อสาร ที่มักจะคลาดเคลื่อน อาจมีการเข้าใจผิดหรือเข้าใจไม่ตรงกัน กับงานที่จะต้องทำ

เพราะฉะนั้นวิธีแก้ปัญหา คือ การที่เราย้ำหรือทวนซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่า ชัวร์นะ ตั้งใจฟัง และมีสติอยู่กับงานตลอดอีกปัญหาที่พบแน่ๆในการอยู่กับคนเยอะๆ เมื่อคนทุกคนไม่ได้เหมือนกันทั้งความคิด

การเป็นอยู่ ชีวิตที่แตกต่าง การออกกอง เราอาจจะเจอกับ นักแสดงที่เหวี่ยง หรือ เอ็กซ์ตร้าที่ไม่ค่อยเชื่อฟัง เพราะบางครั้งเค้าก็เห็นว่าเราเป็นแค่เด็กฝึกงาน วิธีแก้ปัญหาที่ได้ลองทำก็คือ อันดับแรกต้องใจเย็นๆ พยายามเข้าใจเค้าก่อนว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร

ถ้าเค้ามองเราเป็นแค่เด็กฝึกงาน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปสั่งเค้า แต่อยากจะให้เป็นเพื่อนกับเค้าบอกเหมือนที่เพื่อนบอกกัน มันจะพูดง่ายกว่า ให้ความร่วมมือดีกว่า และเค้าก็จะกล้าถามเวลาสงสัยกับเรามากกว่าที่เราตะโกนสั่งๆ เวลาออกกองเป็นช่วงที่ดี สำหรับการเรียนรู้

เพราะเราจะได้เจอกับเหตุการณ์จริง เห็นการทำงานของแทบจะทุกฝ่าย ว่าเค้าทำงานกันยังไง ฝ่ายไหนทำอะไรบ้าง ได้เห็นความเป็นทีม ซึ่งการออกกองทุกครั้ง เราจะสนุกกับงานมากๆ ชอบที่ได้ทำนั่นทำนี่ วิ่งไปวิ่งมา เหนื่อยแต่สนุกมากๆ ถ้าได้มีโอกาสออกกองก็ขอให้ตักตวงไปเยอะๆและอย่าละเลยหน้าที่ตัวเอง

หลังจากที่ทำCasting มาได้สองเดือน ก็ได้ขอย้ายมาอยู่ ฝ่าย Art เพราะได้เห็นการทำงานและสังเกตงานของฝ่ายนี้มาตลอดเลยมีความรู้สึกว่าอยากลองทำดูบ้าง ซึ่ง Art เป็นฝ่ายที่งานค่อนข้างหนักมาก

ต้องอดทนมากๆ เพราะใช้ทั้งแรง กำลัง ตากแดดตากลม และก็ต้องทำงานตลอด เป็นฝ่ายที่มาก่อน กลับที่หลังตลอด เพราะต้อง เซทฉาก พร็อพ ให้พร้อมก่อนถ่าย ระหว่างถ่ายก็จะต้อง คอย รอคำสั่งว่าจะเปลี่ยนอะไรตรงไหนไหมพอถ่ายเสร็จ ก็ต้องเคลียร์เซ็ต เก็บของกลับเข้าโกดัง

การเข้ามาทำงานฝ่ายนี้แรกๆก็เกรงๆ เพราะก็กังวล เราไม่เคยทำ และงานก็ค่อนข้างระเอียด เข้ามาก็ไม่ค่อยรู้อะไร อาศัย คอยสังเกตเอาเอง เพราะงานเยอะ พี่เค้าอาจจะไม่ได้มีเวลามาคอยดูแลหรือมาคอยบอกอะไรเรา เวลาออกกอง เห็นอะไรช่วยได้ ช่วยหมด คอยไปถามพี่เค้าบ่อยๆว่ามีอะไรให้ทำไหม มีอะไรให้ช่วยไหม ทำงานฝ่ายนี้ต้องเร็ว เพราะเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ต้องตื่นตัวตลอด ต้อง Strong คัตเตอร์บาดก็ต้องทนไว้ แล้วไปทำงานต่อ

ฝ่าย Art บางงานก็มีอิสระในการจัดวางหรือตกแต่งอะไรตามความคิดเราได้ ปัญหาของฝ่าย Art คือ เราจะเจอปัญหาเฉพาะหน้าที่รอให้เราแก้ไข จะเป็นไปตาม ปัจจัยต่างๆ เพราะฉะนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดี คือตั้งสติและจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ที่ได้ฝึกงาน Sky Exits ที่นี่

ตอนแรกกะมาแค่อยากได้ความรู้ การทำงาน แต่กลับได้มากกว่านั้น ได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ได้พี่ร่วมงานที่ดี ได้กินอาหารที่ดี ได้รู้จักลุงยามที่ดี ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่ดี อยากให้ทำงานด้วยความสนุกอย่าไปเครียดมาก

อยากให้ลองคิดว่าไม่ได้มาทำงานแต่เรามาทำเรื่องสนุกๆกัน แบบจริงจัง เพราะการที่เรากดดันตัวเองมากไป จะทำให้ทำอะไรออกมาได้ไม่ค่อยดี แถมยังเครียดอีก สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Sky Exits มากที่ให้โอกาส ทุกคำว่ากล่าวตักเตือน เป็นเรื่องที่ดี ไม่กี่คนที่จะมีคนมาบอกเราให้ได้รู้ถึงข้อผิดพลาดที่เราควรแก้ไขเพราะเมื่อเราแก้ไขแล้ว

คนที่จะดีขึ้นไม่ใช่คนที่มาบอก แต่เป็นเราต่างหาก Sky Exits เป็นมากกว่าที่ทำงาน ขอให้รุ่นต่อไปตั้งใจทำงานสนุกไปกับทุกปัญหาที่เข้ามา ไม่มีอะไรได้มาง่ายหรอก อย่าไปกลัวถ้าต้องเผชิญ วันหนึ่งถ้าเราผ่านมันไปได้ เราจะภูมิใจ ที่เราเลือกวิ่งเข้าใส่ มากกว่าที่จะวิ่งหนี สู้ๆ

Thursday 27 October 2016

#เสื้อแดง บุกโรงพยาบาลจุฬา : เสียงปนสะอื้นของพยาบาลจุฬา

22.00 เราจะลบโพสนี้. >>> 

อ่านแล้วก็สะเทือนใจ และหวังว่าคนไทยจะไม่ลืมง่ายเกินไป 

ว่าไอกี้และแกนนำตอนนั้นทำอะไรไว้บ้าง มันไม่ใช่แค่คิดต่างนะครับ -@T3Thee 

>>>>>> คลิปประกอบเรื่องเล่า. เป็นหนึ่งในคลิปที่ดูแล้วร้องไห้. 

ชื่อคลิป : เสียงปนสะอื้นของพยาบาลจุฬา [HQ].mp4 

https://www.youtube.com/watch?v=hXleko42YfA&feature=youtu.be 





Mena Wachirapon จึงขออนุญาติก๊อปข้อความของพยาบาลที่ รพ.จุฬา มาให้ทุกคนอ่านค่ะ (เรา : ยกเว้น 2 บรรทัดแรก. เราคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่พยาบาลทุกคนในประเทศนี้ต้องอ่านประกอบวิชาชีพพยาบาล)

"คือ...พยาบาลไม่ได้โหดแบบนี้ทุกคนนะคะ แต่ทุกคนมีความคับแค้นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การแสดงออก อาจต่างกัน โดยส่วนตัว ได้เจอเหตุการณ์ตั้งแต่มันเริ่มตั้งแคมป์ สร้างค่าย คู ประตูรบ ไล่คนไข้ออกจากจุฬา... 

วันนั้น เราย้ายคนไข้ทั้งน้ำตา...คนเลวอย่างหาที่ติไม่ได้เท่านั้น จึงทำแบบนี้ได้ สมเด็จพระสังฆราชต้องย้ายหนีมัน ทั้งที่ทรงอาพาตและชรามาก จนสุดท้าย เราต้องปิดโรงบาล 

โรงบาลจุฬา มีประวัตินับร้อยปี รักษาผู้ป่วยโดยไม่เลือกชนชั้น ศาสนา แม้ผู้ชุมนุมเอง เราก็รักษา แล้วมันก็ออกไปใช้ลำโพงด่าเราเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำงาน มันค้นถึงกระเป๋าตัง แล้วยึดเงินบ้าง โทรศัพท์บ้าง ลวนลามบ้าง สิ่งเหล่านี้มีใครรู้กับเราหรือไม่ 

ผู้บริหารจึงให้คนที่ไม่อยู่หอ ไม่ต้องมาทำงาน ส่วนคนอยู่หอ ก็ควงเวรไป 

สิ่งหนึ่งที่เราได้กำลังใจ คือ พระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพทรงห่วงใยพวกเราพระราชทานน้ำ อาหาร ที่พอจะเก็บได้ พวกคุณทราบกันหรือไม่ ตอนแรกๆนั่น ยังพอมีผักให้เราได้ทานบ้าง มาตอนหลัง อาหารหลักคือไก่ทอดบ้าง หมูทอดบ้าง หลังสุด สิ่งที่เราได้กินทุกวัน ทุกมื้อ คือ แพนงหมู หรือ แพนงไก่ เพราะอะไรหน่ะหรือ ก็เพราะพวกนี้เก็บไว้อุ่นได้บ่อยๆ และมีน้ำขลุกขลิกพอราดข้าวได้หน่ะสิ พวกเราได้แต่คับแค้นใจ ก้มหน้ากินประทังชีวิตไป 

ตอนนั้น เส้นทางคลองเตยถูกตัดขาด เซเว่นของเข้าไม่ได้ อยากถามว่า ถ้าท่านเจอเหตุการณ์แบบเรา ท่านจะอยู่อย่างไร ควันแรกที่พวยพุ่งขึ้นจากเซนทรัลเวิล์ด เราได้แต่ยืนมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า เป็นห่วงคนไข้ คนที่ย้ายไม่ได้ยังเหลืออีกเยอะ เราอยากให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว ภาวนาให้รัฐบาลขณะนั้นทำอะไรเสียที จนด้านนอกเกิดความวุ่นวาย 

หลังเหตุการณ์คลี่คลาย เราก็เป็นคนหนึ่งที่ออกไปล้างถนน ถนนที่เคยมีความสวยงาม ตอนนี้มีแต่สิ่งปฏิกูล มันตั้งส้วมที่หน้าพระรูป รัชกาลที่6 หยาบหยามพระองค์ท่านมาก เราล้างถนนทั้งน้ำตา ตอนนั่นชาวกทม. ทุกอาชีพ ออกมาร่วมกันชำระถนน ชาวต่างชาติแถวนั้นออกมาแจกน้ำ คนใจบุญท่านใดไม่ทราบซื้อผงซักฟอกและอุปกรณ์ต่างๆมาให้เรา 


ถามว่า 

ถ้าใครก็ตาม 

ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ 

จะมีความแค้นไอ้อีเหล่านั้นหรือไม่ 


ไม่ต้องตอบค่ะ 
ให้ลองตอบกับตัวเองดู" 

#คัดลอกข้อความมา CR: Mena Wachirapon .... 



....